เติมน้ำมันผิด เคลมประกันรถได้มั้ย? วิธีรับมือและความเสียหายต่อรถ

การขับขี่รถยนต์อาจเกิดความผิดพลาดได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะการเติมน้ำมันผิดประเภทลงในถังรถ ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่อาจนำมาซึ่งความเสียหายร้ายแรงต่อรถยนต์ หลายคนยังไม่แน่ใจว่าหากเกิดกรณีดังกล่าว บริษัทประกันจะรับผิดชอบหรือไม่ และควรรับมืออย่างไร เรามาทำความเข้าใจเรื่องนี้กันเลย 

ถ้าเติมน้ำมันผิด รถจะเป็นยังไง?

เมื่อเติมน้ำมันผิด อาการของรถที่เกิดขึ้นคือ น้ำมันจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อส่วนประกอบต่าง ๆ ของรถ เช่น หัวเทียน ไส้กรอง และระบบเครื่องยนต์ ทำให้รถสตาร์ตไม่ติดหรือเครื่องยนต์สะดุดและดับ เนื่องจากการเผาไหม้ของน้ำมันเบนซินและดีเซลไม่เท่ากัน หากถามว่าเติมน้ำมันผิด ค่าซ่อมเท่าไหร่ อันนี้ต้องดูความเสียหายของรถ ว่าระยะที่น้ำมันเข้าไป เข้าไปถึงไหน น้ำมันที่ผิดเป็นประเภทอะไร หากเสียหายถึงเครื่องยนต์ ค่าซ่อมรถก็เป็นไปได้ตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสน 

ประกันชั้นไหนคุ้มครองรถเติมน้ำมันผิดบ้าง?

หากคุณมีประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เมื่อเกิดเหตุการณ์เติมน้ำมันผิด ไม่ว่าอาการรถเป็นยังไง บริษัทประกันจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากการเติมน้ำมันผิดถือเป็นเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรถยนต์ คุณสามารถติดต่อบริษัทประกันทันทีเพื่อให้พนักงานมาตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น ควรแจ้งบริษัทประกันอย่างรวดเร็ว และห้ามพูดคุยข้อตกลงกับทางปั๊มน้ำมันเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากในการเคลมประกันในภายหลัง 

เติมน้ำมันผิด เรียกร้องอะไรได้บ้าง?

หากคุณเติมน้ำมันผิดประเภทและเกิดความเสียหายกับรถยนต์ คุณสามารถเรียกร้องสิทธิ์ได้ดังนี้ 

  1. มีประกันรถยนต์ หากคุณมีประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 คุณสามารถเคลมประกันได้ เนื่องจากประกันชั้น 1 ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากการเติมน้ำมันผิดประเภท โดยห้ามตกลงกับทางปั๊มก่อนเจ้าหน้าที่ประกันมาถึง ตามที่กล่าวข้างต้น 
  2. ไม่มีประกันรถ ต้องเรียกร้องจากปั๊มน้ำมันเอง หากคุณไม่มีประกัน และเป็นความผิดพลาดของพนักงานปั๊มน้ำมัน คุณสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากปั๊มน้ำมันได้ โดยควรเก็บหลักฐานการเติมน้ำมัน ถ่ายรูปเหตุการณ์ และใบเสร็จไว้เพื่อใช้ในการเจรจา ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เรียกก็จะขึ้นอยู่กับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเครื่องยนต์  

ควรทำยังไงเมื่อเติมน้ำมันผิด?

หากรู้ก่อนสตาร์ตเครื่องยนต์ 

หากใครที่ดับเครื่องระหว่างเติมน้ำมัน ถือว่าโชคดีมากเพราะหากรู้ตัวก่อนที่จะสตาร์ตเครื่อง น้ำมันจะยังไม่เข้าสู่ห้องเครื่อง โดยควรทำขั้นตอนดังนี้ 

  1. ห้ามสตาร์ตรถ เพราะน้ำมันที่ถูกเติมผิดประเภทจะถูกปั๊มเข้าสู่ระบบน้ำมันเชื้อเพลิงทันที
  2. แจ้งพนักงานปั๊มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันออกจากถังให้หมด 
  3. เติมน้ำมันที่ถูกต้องลงไปในปริมาณ 5-10 ลิตร เพื่อให้สามารถสตาร์ตรถได้ 
  4. สตาร์ตเครื่องยนต์ และปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ห้ามเร่งรอบ 
  5. ตรวจสอบไฟเตือนบนแผงหน้าปัด และทดสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ว่าทำงานปกติหรือไม่ 
  6. ค่อย ๆ ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำก่อน จากนั้นเพิ่มความเร็วเมื่อเครื่องยนต์ทำงานเป็นปกติ 

หากรู้หลังสตาร์ตเครื่องยนต์ 

หากใครที่ไม่ได้ดับเครื่องระหว่างเติมน้ำมัน หรือดันสตาร์ตรถแล้วค่อยรู้ตัว มีโอกาสสูงกว่าที่น้ำมันจะเข้าสู่เครื่องยนต์ ควรทำขั้นตอนดังนี้ 

  1. ดับเครื่องยนต์ทันที 
  2. แจ้งพนักงานปั๊มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันออกจากถังให้หมด 
  3. เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง 
  4. ถอดและทำความสะอาดหรือเปลี่ยนหัวฉีด (ดีเซล/เบนซิน) และหัวเทียน (เบนซิน) 
  5. ถอดปั๊มหัวฉีดของเครื่องยนต์ดีเซลส่งไปร้านเพื่อทำการเทสต์ 
  6. ถอดฝาสูบเพื่อตรวจสอบความบิดเบี้ยวของก้านวาล์วไอดี-ไอเสีย 
  7. ประกอบชิ้นส่วนกลับคืน และเติมน้ำมัน 5-10 ลิตร 
  8. สตาร์ตเครื่องยนต์และปล่อยให้เครื่องทำงานที่รอบเดินเบา ห้ามเร่งรอบ 
  9. ตรวจสอบไฟเตือนบนแผงหน้าปัด และทดสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ 
  10. ค่อย ๆ ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำก่อน จากนั้นเพิ่มความเร็วเมื่อเครื่องยนต์ทำงานเป็นปกติ 

การเติมน้ำมันผิดมีวิธีป้องกันยังไง?

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว สิ่งที่ควรทำคือดับเครื่องยนต์ก่อนเติมน้ำมันเพื่อชะลอความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเติมน้ำมันรถผิด และเจ้าของรถควรเน้นย้ำกับพนักงานปั๊มน้ำมันอย่างชัดเจนว่าต้องการเติมน้ำมันประเภทใด และสังเกตให้แน่ใจว่าพนักงานหยิบหัวจ่ายน้ำมันถูกต้อง หรือเดินลงจากรถเพื่อตรวจสอบด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขอใบเสร็จเพื่อตรวจสอบรายละเอียดของน้ำมันที่เติม ซึ่งมีชื่อย่อที่แตกต่างกันมากมาย นอกจากนี้อย่าลืมแจ้งบริษัทประกันทันที หากเกิดเหตุการณ์เติมน้ำมันผิดประเภท เพื่อป้องกันการเสียสิทธิประโยชน์ในการเคลม 

จากกรณีตัวอย่างที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 มีความสำคัญอย่างมากต่อการใช้รถยนต์ เพราะไม่ว่าถ้าเติมน้ำมันผิด รถจะเป็นยังไง ประกันก็ยังคุ้มครอง ซึ่งประกันจะเข้ามาไกล่เกลี่ยกับปั๊มน้ำมันเพื่อรักษาสิทธิที่เราควรจะได้รับ แล้วเราก็ไม่ต้องมาคอยปวดหัวกับเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย 

แชร์บทความนี้