รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย เนื่องจากผู้คนหันมาใช้รูปแบบการขนส่งที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญที่เจ้าของรถ EV เผชิญคือการหาสถานีชาร์จ EV เมื่อต้องการ โชคดีที่รัฐบาลไทยกำลังพยายามอย่างมากในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ
ชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าได้ที่ไหนบ้าง
รถ ev ในไทย สามารถพบสถานีชาร์จ EV ได้ในสถานที่สาธารณะหลายแห่ง เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และอาคารสำนักงาน ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซของรัฐได้ติดตั้งสถานีชาร์จในสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ นอกจากนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กำลังสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จเร็วตามทางหลวงสายหลัก ซึ่งจะทำให้การเดินทางระยะไกลด้วยรถยนต์ไฟฟ้าเป็นไปได้มากขึ้น
ความคิดริเริ่มหนึ่งที่เกิดขึ้นคือการจัดตั้งสมาคมสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (TEVA) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า (EV) และพัฒนาเครือข่ายสถานีชาร์จทั่วประเทศ TEVA ได้ร่วมมือกับองค์กรและบริษัทต่างๆ เพื่อติดตั้งสถานีชาร์จในสถานที่ต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า สนามบิน และปั๊มน้ำมัน
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังได้ดำเนินมาตรการจูงใจต่างๆ เพื่อสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ ตัวอย่างเช่น พวกเขาได้ยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีสำหรับรถ EV และให้แรงจูงใจด้านภาษีสำหรับการผลิตและติดตั้งสถานีชาร์จ
สถานีชาร์จแบตรถไฟฟ้าในไทยมีกี่แห่ง?
ปัจจุบันมีสถานีชาร์จ EV จมากกว่า 400 แห่งในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต อย่างไรก็ตาม รัฐบาลตั้งเป้าให้มีรถ EV บนท้องถนนให้ได้ 500,000 คันภายในปี 2573 ซึ่งจะต้องมีการขยายโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จครั้งใหญ่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ รัฐบาลได้ประกาศแผนสร้างสถานีชาร์จมากกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศในทศวรรษหน้า
สถานีชาร์จแบบรถไฟฟ้ามีกี่แบบ?
ปัจจุบันมีสถานีชาร์จไฟฟ้า 3 ประเภทในประเทศไทย ซึ่งแบ่งเป็นระดับ 1 ระดับ 2 และระดับ 3 โดยระดับ 3 จะเร็วที่สุด สถานีชาร์จระดับ 1 ใช้ปลั๊กไฟมาตรฐาน 220V และสามารถชาร์จ EV ให้เต็มภายใน 8-12 ชั่วโมง สถานีระดับ 2 ใช้ปลั๊กไฟ 380V และสามารถชาร์จ EV ได้ภายใน 3-5 ชั่วโมง สถานีระดับ 3 หรือที่เรียกว่าสถานีชาร์จเร็ว ใช้ปลั๊กไฟ 480V และสามารถชาร์จ EV ได้ถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที
หากต้องการค้นหาสถานีชาร์จรถ EV ในไทย เจ้าของรถไฟฟ้า EV สามารถใช้แอพมือถือและเว็บไซต์ต่างๆ เช่น แอพ PlugShare หรือเว็บไซต์กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) แหล่งข้อมูลเหล่านี้มีแผนที่สถานีชาร์จและอนุญาตให้ผู้ใช้กรองสถานีตามตำแหน่ง ความเร็วในการชาร์จ และผู้ให้บริการเครือข่าย
โดยสรุปแล้ว เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า รถ EV ในประเทศไทยมีตัวเลือกจำนวนมากขึ้นในการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ เนื่องจากรัฐบาล บริษัทเอกชน และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรต่างลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่แข็งแกร่ง ด้วยสถานีชาร์จเร็วระดับ 3 ที่ติดตั้งตามทางหลวงสายหลักและในที่สาธารณะ EV จึงใช้งานได้จริงและสะดวกมากขึ้นสำหรับการใช้งานประจำวัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม