การขับรถคือทักษะที่ต้องเรียนรู้และศึกษาให้ชำนาญเพื่อความปลอดภัยในทุกสภาพการขับขี่ หนึ่งในสถานการณ์อันไม่เป็นใจในการขับรถที่ทุกคนอาจต้องพบโดยไม่คาดคิดคือการ ขับรถฝนตกกลางคืน ที่ไม่ว่าฝนจะตกหนักมากน้อยเพียงใด แต่ผลที่เกิดขึ้นตามมาคือ ปัญหาเกี่ยวกับทัศนวิสัย และอุบัติเหตุ สิ่งที่มักพบเจอในสถานการณ์ที่ต้องขับรถขณะฝนตกยามกลางคืนมีอะไรบ้าง? เราจะชวนทุกท่านไปรื้อฟื้นสถานการณ์ส่วนตัวกับการขับรถในสายฝนยามค่ำคืน ว่าต้องทำตัวอย่างไร ระมัดระวังอย่างไร ตามไปดูกัน
ขับรถฝนตกกลางคืน ความเสี่ยงที่มากขึ้นยามขับขี่
หนึ่งในการขับรถกลางคืนที่สร้างความเสี่ยงให้กับผู้ขับขี่แบบกะทันหัน คือสถานการณ์ที่ฝนตกกลางคืน การขับรถฝนตกกลางคืนที่มักเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว และยังมีผลกระทบถึง 2 สถานการณ์ที่ก่อให้เกิดต่อทัศนวิสัยในการมองเห็นได้ด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งสิ่งที่มักเจอกันอยู่เป็นประจำคือทัศนวิสัยที่มองเห็นได้ไม่ชัดเจนอยู่แล้ว กลับยิ่งมองเห็นได้ยากขึ้นเมื่อฝนตกหนักมากโดยเฉพาะในพื้นที่ทางโค้ง หรือทางลาดชันที่อาจทำให้มุมมองการรับภาพของเราผิดเพี้ยนไปจนอาจเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุได้
อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่มักเกิดขึ้นในการขับรถฝนตกช่วงกลางคืน นั่นคือ หลังจากที่ฝนหยุดตกแล้วเหมือนว่าไฟส่องสว่างน้อยลง นั่นเป็นเพราะละอองฝุ่นที่สะท้อนแสงในอากาศถูกชะล้างออกไปทำให้การกระเจิงหรือสะท้อนแสงไม่มีตัวกลางทำให้ไฟรถส่องทางสว่างจ้าแต่ไร้ทิศทาง แม้ว่าจะเปิดไฟสูงแล้วก็ตามแต่ก็ยังไม่อาจทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นนั้นดีขึ้นได้
หากต้องขับรถยามฝนตกตอนกลางคืน ต้องทำอย่างไร ?
สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การเดินทางของคุณเต็มไปด้วยความปลอดภัยคือความไม่ประมาท หากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดอย่างฉับพลันทันใดควรหยุดรถ ณ จุดพักรถเพื่อรอให้ฝนซาและทัศนวิสัยการมองเห็นกลับมาชัดเจนอีกครั้ง แต่หากเป็นพื้นที่ป่าเขายิ่งต้องควรขับรถไปช้า ๆ ด้วยความระมัดระวังและเปิดสัญญาณไฟของทางแจ้งพิกัดของตัวเองให้รถคันอื่นได้รู้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่นั่นเอง
การขับขี่รถในสถานการณ์ไม่เป็นใจโดยเฉพาะการขับรถกลางคืนและพบกับฝนตกหนัก การดำรงไว้ซึ่งความไม่ประมาทคือหัวใจสำคัญแห่งความปลอดภัย หากไม่มั่นใจการจอดรถแวะพักขับขี่ปลอดภัยดีที่สุด แต่ถ้าหากจำเป็นต้องขับรถต่อไป การขับไปช้า ๆ และตั้งสติเอาไว้ จะช่วยให้การเดินทางของคุณยังคงราบรื่นและปลอดภัยอยู่ตลอดเวลานั่นเอง