5 ปัญหารถเสียที่เจอบ่อย พร้อมวิธีรับมือเมื่ออยู่บนท้องถนน

เรื่องรถมีปัญหาเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของรถหรือคนที่ใช้รถประจำ อาจเจอทั้งรถสตาร์ทไม่ติด รถสตาร์ทติดยาก ยางรั่วยางแบน เบรคมีปัญหา รถเร่งไม่ขึ้น ซึ่งการรู้จักปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับรถเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที และป้องกันมิให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงขึ้น ในวันนี้เราจะมาแนะนำ 5 ปัญหารถเสียที่เจอบ่อย และวิธีการรับมือเมื่อรถมีปัญหา

1. ยางรั่วหรือยางแบน

ยางรั่วหรือยางแบนเป็นปัญหารถเสียที่พบเจอได้บ่อยที่สุด เนื่องจากยางเป็นส่วนที่สัมผัสกับถนนโดยตรง จึงมีโอกาสเสียหายจากการใช้งานได้ง่าย วิธีแก้ไขคือ ตรวจเช็คสภาพยางอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่ามีรอยบาดหรือการรั่วซึม ควรรีบเปลี่ยนยางใหม่ทันที เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

สัญญาณเตือน: รู้สึกว่ารถเบ้ไปด้านใดด้านหนึ่ง หรือมีเสียงยางเสียดสีกับถนนดังผิดปกติ
วิธีรับมือเมื่อรถมีปัญหาบนท้องถนน: เบื้องต้นให้ลดความเร็วและจอดรถในที่ปลอดภัย ตรวจสอบสภาพยาง หากพบรอยรั่วหรือยางแบน ควรเปลี่ยนยางอะไหล่หรือเรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน

2. แบตเตอรี่เสื่อม

แบตเตอรี่เป็นหัวใจสำคัญของระบบไฟฟ้ารถยนต์ หากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ จะส่งผลให้รถติดปัญหารถสตาร์ทไม่ติด หรือระบบไฟต่างๆ ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ วิธีแก้คือ การดูแลรถยนต์โดยตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนใหม่เมื่อแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม เพื่อให้รถพร้อมใช้งานตลอดเวลา

สัญญาณเตือน: เครื่องยนต์รถสตาร์ทไม่ติดหรือรถสตาร์ทติดยาก ไฟหน้ารถหรี่ลง หรือมีเสียงเตือนจากแดชบอร์ด
วิธีรับมือเมื่อรถมีปัญหาบนท้องถนน: หากมีสายจั๊มพ์สตาร์ท ให้ลองต่อกับรถคันอื่นเพื่อชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ แต่หากไม่มี ควรเรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน

3. น้ำมันเครื่องรั่ว

น้ำมันเครื่องรั่วเป็นปัญหารถเสียที่เกิดจากการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ในที่สุด วิธีแก้คือ ดูแลรถยนต์ด้วยการตรวจเช็คน้ำมันเครื่องอย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่แนะนำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วซึมและยืดอายุการใช้งานเครื่องยนต์

สัญญาณเตือน: พบเห็นคราบน้ำมันใต้ท้องรถ หรือเครื่องยนต์มีเสียงดังผิดปกติ
วิธีรับมือเมื่อรถมีปัญหาบนท้องถนน: ควรหยุดจอดรถและปิดเครื่องยนต์ทันที ไม่ควรสตาร์ทเครื่องต่อ เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้หนักขึ้น ควรเรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน

4. ระบบเบรคมีปัญหา

ระบบเบรคที่มีปัญหาจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการขับขี่ เช่น เบรคไม่ดี เบรคมีเสียง หรือเบรคไม่ตอบสนอง วิธีแก้คือ ดูแลรถยนต์ด้วยการตรวจเช็คสภาพของชิ้นส่วนในระบบเบรคอย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนอะไหล่ที่ชำรุดเสียหาย เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

สัญญาณเตือน: รู้สึกว่าเบรคไม่อยู่ หรือต้องเหยียบเบรคแรงกว่าปกติ มีเสียงดังขณะเบรค หรือไฟเตือนเบรค ABS menyala
วิธีรับมือเมื่อรถมีปัญหาบนท้องถนน: ควรหยุดจอดรถและไม่ควรขับต่อ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ ควรเรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน

5. เครื่องยนต์ร้อนจัด

เครื่องยนต์ร้อนจัดอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ระบบระบายความร้อนมีปัญหา น้ำหล่อเย็นไม่เพียงพอ หรือเครื่องยนต์มีปัญหา วิธีแก้คือ ดูแลรถยนต์ด้วยการตรวจเช็คระบบระบายความร้อนอย่างสม่ำเสมอ เติมน้ำหล่อเย็นให้เพียงพอ และหากพบปัญหาเครื่องยนต์ร้อนจัดอย่างต่อเนื่อง ควรรีบนำรถเข้ารับการตรวจเช็คจากช่างผู้เชี่ยวชาญ

สัญญาณเตือน: เข็มวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ขึ้นสูง มีควันหรือไอน้ำร้อนออกมาจากหม้อน้ำ เครื่องยนต์มีเสียงดังผิดปกติ
วิธีรับมือเมื่อรถมีปัญหาบนท้องถนน: ควรหยุดจอดรถและปิดเครื่องยนต์ทันที รอให้อุณหภูมิลดลง จากนั้นตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำ หากมีน้ำน้อยควรเติมน้ำกลั่น แต่หากไม่มีรอยรั่ว ควรเรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน

ปัญหารถเสียเหล่านี้เป็นปัญหาที่เจอได้บ่อยในชีวิตประจำวัน แต่หากเราการหมั่นดูแลรถยนต์ ตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนอะไหล่ตามระยะ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหารถเสียได้ ทั้งยังยืดอายุการใช้งานของรถ และความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้กับรถของคุณดูนะ

แชร์บทความนี้