การเช็คทะเบียนรถเพื่อหาชื่อเจ้าของทะเบียนรถ หรือการตรวจสอบประวัติทะเบียนรถก่อนซื้อรถมือสอง เพื่อป้องกันการโดนย้อมแมว โดนหลอกซื้อของโจรของจำนำ รถยนต์ที่มีประวัติไม่ดี หรือในกรณีโดนชนแล้วหนี สามารถทำได้ โดยเตรียมเอกสารหลักฐานแสดงความเกี่ยวข้องกับรถคันที่ต้องการตรวจสอบ และยื่นคำขอที่กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งในพื้นที่
1.เช็คทะเบียนรถได้ในกรณีไหน?
1.1 เช็คทะเบียนรถปลอม หรือรถต้องสงสัย
กรณีต้องการเช็คทะเบียนรถต้องสงสัยโดนสวมทะเบียนปลอม หรือตรวจสอบรถผิดกฎหมาย อาจเริ่มต้นเช็คจากลักษณะป้ายทะเบียนปลอมที่จะแตกต่างจากป้ายทะเบียนที่ถูกต้องกฎหมายทั่วไป รวมถึงสามารถตรวจสอบประวัติเลขทะเบียนรถและประวัติชื่อผู้ครอบครองรถได้ด้วยการยื่นเรื่องขอตรวจสอบข้อมูลทะเบียนรถกับกรมขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งในพื้นที่ที่รถคันนั้นอยู่ในความรับผิดชอบ ตามข้อมูลจดทะเบียนในคู่มือเล่มทะเบียนประจำรถ ซึ่งต้องแสดงสัญญาการซื้อขายรถ เล่มทะเบียนรถ ใบสั่งปรับความเร็ว หรือเอกสารความเป็นเจ้าของรถอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งพิจารณาอนุมัติคำขอตรวจสอบข้อมูลทะเบียนรถ
1.2 เช็คทะเบียนรถชนแล้วหนี
กรณีต้องการเช็คทะเบียนรถจากการโดนรถชนแล้วหนี สามารถตามหาชื่อเจ้าของทะเบียนรถคู่กรณีได้ด้วยการแจ้งความ หรือลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมแนบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการชนแล้วหนีไม่รับผิดชอบ (ถ้ามี) เช่น เลขทะเบียนรถคู่กรณี/รุ่นรถ/สีรถ/ยี่ห้อรถ ภาพวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ที่เห็นทะเบียนรถคู่กรณีจากกล้องหน้ารถ หรือป้ายทะเบียนรถของคู่กรณีที่หลุดออกมา จากนั้นนำเอกสารใบแจ้งความหรือใบลงบันทึกประจำวันมาดำเนินการยื่นขอค้นหาข้อมูลทะเบียนรถคู่กรณีด้วยตัวเองกับสำนักงานขนส่ง หรือแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานกับสำนักงานขนส่งเพื่อยื่นขอตรวจสอบทะเบียนรถยนต์หาว่าใครเป็นเจ้าของ และเรียกคู่กรณีมาสอบปากคำ หรืออายัดทะเบียนต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ขอเช็คป้ายทะเบียนรถอาจมีหลายกรณีไม่ใช่แค่ชนแล้วหนีเท่านั้น โดยเจ้าของรถอาจไม่ต้องมายื่นด้วยตัวเองถ้ามีบริษัทประกันภัยรับหน้าที่ดำเนินการให้ ซึ่งในการเคลมประกันหรือฟ้องร้องดำเนินคดี เจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันหรือทนายจะเป็นผู้รับผิดชอบในการขอตรวจสอบป้ายทะเบียนรถของคู่กรณีให้นั่นเอง
1.3 เช็คทะเบียนรถหาย
กรณีต้องการเช็คทะเบียนรถหาย หรือทะเบียนรถโดนอายัดจากการแจ้งความรถถูกขโมย จะไม่สามารถตรวจสอบสถานะรถหายได้จากแอปตรวจสอบรถหายหรือประกาศรถหายทั่วไปได้ เนื่องจากอาจจะได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอัปเดต แต่จะสามารถเช็คเลขทะเบียนรถโดนอายัดทะเบียน หรือแจ้งไม่ใช้รถ จากกรณีรถถูกโจรกรรมไว้ ได้จากการยื่นคำขอเช็คป้ายทะเบียนรถยนต์กับสำนักงานขนส่งในพื้นที่เหมือนกับการยื่นขอตรวจสอบข้อมูลประวัติทะเบียนรถทั่วไป โดยต้องแสดงใบบันทึกประจำวัน ใบแจ้งความ หนังสือการถอนการอายัด หรือหลักฐานการรับรถคืนจากพนักงานสอบสวนหรือจากศาลเพื่อแสดงความเกี่ยวข้องกับรถคันที่ต้องการตรวจสอบป้ายทะเบียน หากต้องการแจ้งรถหายออนไลน์ สามารถติดต่อสายด่วนศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร.1192 หรือโทร 02-205-1191
2.ใครขอเช็คทะเบียนรถได้บ้าง?
- ผู้ที่เกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น คู่กรณีหรือผู้ประสบอุบัติเหตุ ผู้ซื้อหรือผู้ขายรถมือสอง หรือเจ้าของรถ
- เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ เช่น พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมาย
- ศาล
- ทนายความ
- บริษัทประกันภัย
3.เช็คทะเบียนรถมีขั้นตอนอย่างไร?
- รับคำขอเช็คชื่อผู้ครอบครองรถ (“แบบคำขออื่นๆ”)
- ตรวจสอบเอกสารขอตรวจสอบทะเบียนรถยนต์
- รับชำระค่าธรรมเนียม
- ออกใบเสร็จรับเงิน
- เจ้าหน้าที่จัดทำสำเนาข้อมูลทะเบียนรถ
- เจ้าหน้าที่ลงรับชื่อรับรองสำเนาข้อมูลทะเบียนรถ
สำหรับค่าธรรมเนียมในการเช็คป้ายทะเบียนรถ มีดังนี้
- ค่าคำขอ ฉบับละ 5 บาท
- ค่าขอค้นเอกสาร รถยนต์ครั้งละ 50 บาท รถจักรยานยนต์ครั้งละ 10 บาท
- ค่ารับรองสำเนา แผ่นละ 20 บาท
เมื่อเตรียมเอกสารและค่าธรรมเนียมแล้วก็สามารถนำเอกสารทุกอย่างยื่นคำร้องเช็คป้ายทะเบียนรถได้ที่กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานขนส่งใกล้บ้าน โดยใช้เวลาดำเนินการประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อตรวจสอบเอกสารเรียบร้อยแล้วจึงค่อยชำระค่าธรรมเนียม
เพียงเท่านี้ก็หมดห่วงเรื่องชนแล้วหนีเพราะสามารถตรวจสอบป้ายทะเบียนและข้อมูลเจ้าของป้ายได้แบบถูกกฎหมาย ไม่ต้องกลัวว่าจะผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่สำคัญยังสามารถนำข้อมูลไปดำเนินการฟ้องร้องต่อได้ด้วย ในขณะที่การจ้างบุคคลที่สามในการสืบชื่อเจ้าของรถจากเลขทะเบียน อาจจะไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง รวมถึงยังมีความผิดตามกฎหมายอีกด้วย
การขับรถต้องมีสติ ไม่ประมาท แต่บางครั้งผู้ขับขี่คันอื่นอาจทำผิดกฎจราจรหรือประมาทจนเกิดเหตุเฉี่ยวชนได้ ซึ่งหากคู่กรณีรับผิดชอบก็ถือว่าโชคดี แต่หากเจอชนแล้วหนีก็ต้องตั้งสติ ดำเนินการยื่นเรื่องเช็คป้ายทะเบียนรถ ให้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงดำเนินการทางกฎหมายต่อไปทีละขั้นตอน เมื่ออุบัติเหตุมักเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด การทำประกันรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม