ลายคนที่กำลังมองหาประกันรถยนต์คงเคยได้ยิน Rabbit Care กันอย่างแน่นอน เพราะถือเป็นเว็บไซต์เปรียบเทียบประกันรถยนต์ที่มีชื่อเสียง และเป็นนายหน้าหรือโบรกเกอร์ประกันภัยรถยนต์ที่มีประกันรถยนต์หลากหลายบริษัทมาให้เปรียบเทียบ รวมทั้งยังมีข้อเสนอพิเศษและราคาที่ดี ที่เสริมจากการทำประกันรถยนต์โดยตรงจากบริษัทประกันภัย ซึ่งถือเป็นข้อดีจากการซื้อประกันรถยนต์กับโบรกเกอร์ แต่นอกจากข้อเสนอสุดพิเศษที่ให้มาแล้ว จะมีข้อดี – ข้อสังเกตยังไงที่เราควรรู้ก่อนเริ่มทำประกัน ลองดูในบทความนี้กันเลย
Rabbit Care คือใคร?
Rabbit Care หรือบริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด ภายใต้ Rabbit Group ซึ่งได้รีแบรนด์จาก รีแบรนด์ดิ้งจาก “แรบบิท ไฟแนนซ์” สู่ “แรบบิท แคร์” เมื่อปี 2564 ด้วยวิสัยทัศน์ในการเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในการให้คำปรึกษาและเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน โดยแรบบิท แคร์มีผลิตภัณฑ์ 6 กลุ่มคือ ประกันภัยรถยนต์ ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต ประกันภัยอื่น ๆ ประกันองค์กร และผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
ประกันภัยรถยนต์ที่ Rabbit Care ดียังไง?
1. ราคาดี ตอบโจทย์
ประกันภัยรถยนต์ที่ Rabbit Care มีราคาดี สามารถเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ออนไลน์ แล้วยังแถมด้วยบริการเสริมที่แรบบิทแคร์ ประกันรถที่เสนอให้ อย่างบริการรถทดแทน ค่าชดเชยค่าเดินทางกลับบ้าน หรือการมีอู่ซอมรถและศูนย์ซ่อมรถยนต์ทั่วประเทศไทย รวมถึงการผ่อนได้ 0% และยังการันตีราคาสุดคุ้ม หากเจอราคาถูกกว่า จะคืนส่วนต่างให้ ภายใต้เงื่อนไขของบริษัทเดียวกัน แถมยังสามารถซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ผ่านหน้าเว็บไซต์ได้เลย
2. เคลมผ่าน Line official account
การแจ้งเคลมผ่านไลน์ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการเคลมที่สะดวกมาก เพราะปกติเราก็ใช้ Line ในชีวิตประจำวันกันทุกคนอยู่แล้ว การแจ้งอุบัติเหตุหรือเคลมผ่านไลน์ได้จึงค่อนข้างตอบโจทย์หลายๆคน
3. มีบริการดูแลลูกค้าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ถ้าเราใช้บริการแรบบิทแคร์ โบรกเกอร์ประกันภัยรถยนต์นี้จะมีบริการเสริมรถยนต์ทดแทนระหว่างที่เราเอารถเข้าซ่อมฟรี เป็นระยะเวลา 3 วัน และสำหรับคนที่ซื้อประกันชั้น 1 จะมีค่าชดเชยค่าเดินทางเมื่อต้องเดินทางกลับบ้านเองหลังเกิดอุบัติเหตุจนขับต่อไม่ได้ โดยใช้ใบเสร็จค่าเดินทางกลับผ่านแอปพลิเคชันมาเบิกกับแรบบิท แคร์ได้สูงสุด 500 บาท ใช้ได้ 2 ครั้งต่อปี ถือเป็นบริการเสริมที่เราหาไม่ได้หากซื้อกับบริษัทประกันภัยรถยนต์โดยตรง
4. ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน
ข้อดีนี้เหมาะกับคนที่ไม่มีเงินก้อนหรือสภาพคล่องทางการเงินติดขัด โดยแรบบิท แคร์ ให้เราผ่อนได้นานสุด 10 เดือน ทั้งบัตรเครดิตและเงินสด แต่ก็มีเงื่อนไขการผ่อน 0% คือ
- ผ่อน 0% แบบ 3 งวด ต้องมีเบี้ยประกัน ตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป
- ผ่อน 0% แบบ 6 งวด ต้องมีเบี้ยประกัน ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป
- ผ่อน 0% แบบ 10 งวด ต้องมีเบี้ยประกัน ตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป
ข้อสังเกตของการทำประกันภัยรถยนต์กับ Rabbit Care มีอะไรบ้าง?
1. ได้รับเอกสารกรมธรรม์ช้า
บนเว็บไซต์ของแรบบิท แคร์ เมื่อเราซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ จะมีการระบุว่าจะได้รับเอกสารกรมธรรม์กรมธรรม์ประกันภัยภายใน 15-30 วัน ซึ่งเป็นระยะการรับเอกสารที่นานพอสมควร และยังมีรีวิวในเว็บไซต์พันทิปที่ลูกค้าของแรบบิทออกมาบอกว่า บางคนอาจต้องใช้เวลามากกว่านั้นในการรับเอกสารกรมธรรม์กรมธรรม์ประกันภัย
2. การบริการหลังการขาย
จากหลากหลายความคิดเห็นบนเว็บไซต์พันทิป ที่คอมเพลนบริการหลังการขาย ทั้งการติดต่อยาก การดำเนินงานต่างๆ เป็นไปอย่างล่าช้า และการไม่มีการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่
3. ถ้าเลือกผ่อน เราต้องจ่ายเบี้ยประกันทั้งหมด ก่อนซ่อมรถ
หากเราเลือกผ่อนประกันภัยรถยนต์ เราจะได้รับกรมธรรม์ชั่วคราวซึ่งเป็นการยืนยันว่าเราได้ซื้อความคุ้มครองประกันรถยนต์จริง เมื่อเกิดอุบัติเหตุเราสามารถแจ้งเคลมได้ตามปกติ แต่หากต้องซ่อมรถหรือมีค่าซ่อมรถ เราจำเป็นต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันทั้งหมดก่อนเพื่อให้บริษัทออกกรมธรรม์กรมธรรม์ประกันภัยตัวจริงเพื่อเป็นหลักฐาน ซึ่งตรงนี้กลายเป็นจุดด้อยของแผนผ่อนของแรบบิท แคร์ เพราะยังมีโบรกเกอร์ประกันภัยรถยนต์เจ้าอื่นที่สามารถนำรถเข้าซ่อมได้โดยที่ยังสามารถผ่อนเบี้ยประกันต่อไปได้
4. การติดต่อแจ้งเคลม ต้องติดต่อผ่านคนกลาง
การที่แรบบิทแคร์มีช่องทางการเคลมที่ง่าย สะดวก ทั้งผ่าน Line official account หรือโทรหาได้เลย แต่นั่นหมายถึงการที่เราต้องติดต่อผ่าน คนกลาง ที่จะไปติดต่อบริษัทประกันของเราให้อีกต่อหนึ่ง เพราะเจ้าหน้าที่ที่มาหาเราจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่มาจากบริษัทประกันภัย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่มาโบรกเกอร์ จึงทำให้เสียเวลากับการติดต่อผ่านคนกลางจนกลายเป็นอีกหนึ่งข้อสังเกตของแรบบิต แคร์
ไม่ว่าซื้อประกันผ่านบริษัทประกันหรือโบรกเกอร์ประกันภัยรถยนต์ต่างมีข้อดี-ข้อสังเกตด้วยกันทั้งนั้น การที่เราจะเลือกประกันภัยรถยนต์ให้รถคู่ใจซักคัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทั้งหาข้อมูล เปรียบเทียบแผน ดูความคุ้มครองประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์มากที่สุด ดังนั้น การตัดสินใจเลือกซื้อประกันจึงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งเราควรศึกษารายละเอียดกรมธรรม์ ใช้เวลากับมันสักหน่อย เพื่อที่จะได้รับความคุ้มครองประกันรถยนต์ที่คุ้มค่า และไม่ต้องเสียเบี้ยประกันไปโดยเสียเปล่า